วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ความเชื่อผิดๆ 10 ประการสำหรับนักบิด







ความเชื่อผิดๆ 10 ประการสำหรับนักบิด


1. ใส่ยางรถแข่งมาจะทำให้วิ่งเร็วขึ้น
Million Dollar Harley

           อันนี้เป็นความเชื่อที่ไม่จริงนะครับ การเอายางรถมอไซค์สำหรับสนามแข่งมาใส่วิ่งบนถนนธรรมดานั้นไม่ได้เร็วไปกว่าเดิม เนื่องจากยางสำหรับสนามแข่งนั้นถูกออกแบบให้ระบายความร้อนออกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเบรกก่อนเข้าโค้ง หรือการเร่งอย่างแรงก่อนออกจากโค้ง ยางรถแข่งจะด้านหนึ่งจะเย็นกว่าอีกด้านเพราะสนามส่วนใหญ่เป็นเลข 0 ไม่ใช่เลข 8 จึงเข้าโค้งอยู่ด้านเดียว ลองคิดดูแล้วกันว่าหากติดไฟบนถนนลาดยาง ยางจะเย็นขนาดไหนการที่ยางจะยึดเกาะได้ดีนั้นท่านจะต้องใส่ไว้กับเครื่องอุ่นยาง เอาออกมาใส่รถทิ้งไว้ก็เปล่าประโยชน์ ต้องถอดยางเก็บก็จะวุ่นวายขึ้นไปอีก ดังนั้นหากขับบนท้องถนนทั่วไปก็ใช้ยางให้เหมาะสม ยางสนามแข่งเหมาะสำหรับสนามแข่งเท่านั้น

2. แพงกว่าย่อมดีกว่า

           ปกติแล้วสินค้าไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้าแพงกว่าแล้วมักจะดีกว่าตามราคาของมัน แต่สำหรับมอเตอร์ไซค์แล้วไม่ใช่อย่างน้อยก็มอไซค์ของอิตาลี่หละที่แพงแต่ใช่ว่าจะดี อย่างมอไซค์ Ducati Monster 696 ราคาไม่แพงแต่คุณภาพดีน่าขับมาก แต่มอไซค์ที่แย่สุดของ Ducati คือ Panigale R ที่เขาสร้างไว้ให้แข่งชนะ ดูสวย เทห์ แพง ใครๆ ก็อยากขับ
แต่คันมันใหญ่ ขับยาก แถมราคาแพงลิบ ดังนั้นใครว่าแพงแล้วดี คิดผิดแล้วครับ ยิ่งเป็นรถคลาสสิคแล้วละก็แพงหลายเท่า แต่ขี่แล้วไม่มันส์เหมือนรถรุ่นใหม่ๆเลย
DUCATI  Monster
DUCATI  Panigale R 

3. อุบัติเหตุส่วนใหญ่มาจากคนขับรถยนต์

          แม้คนขับรถยนต์จะดูเป็นพวกขับแบบระห่ำ ไม่มองอะไร เห็นว่าเป็นรถคันใหญ่สี่ล้อไม่มีทางล้ม แต่ส่วนใหญ่แล้วเพราะความใหญ่ของรถ เขาก็จะขับตามกฏเกณฑ์ หาที่กลับรถ ไม่ค่อยจะย้อนศรเพราะรถมันใหญ่แล้วหลบยาก ทำให้พวกเขาที่ขับรถยนต์ต้องทำตามกฏกันโดยปริยาย ดังนั้นเวลาเราขับมอเตอร์ไซค์ใกล้พวกเขาเราก็จะวางแผนได้ถูกว่าจะไปแซงซ้ายหรือแซงขวาดี ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาขับไม่ค่อยจะตามกฏเท่านั้น เพราะจะเอายากว่าพวกเขาจะไปทางไหนแต่อุบัติเหตุของมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับรถยนต์เท่าไหร่ มักจะชนกับมอเตอร์ไซค์กันเองมากว่า ยกเว้นพวกตัดหน้า ย้อนศร กินเลน อันนี้คือการถามหาอุบัติเหตุอยู่แล้ว สถิติการเกิดอุบัติเหตุของตำรวจระบุว่า การขับขี่เป็นกลุ่มนั้นอันตรายที่สุด เพราะมักจะเกี่ยวกันเอง แซงกันผิดคิว ลองสังเกตุดู ส่วนใหญ่เราหกเราล้ม เพราะตัวเราเองมากกว่า เช่นหลบรถยนต์ก็ล้มได้ การชนจังๆ จะเป็นกรณีแถวแยกไฟแดงที่่ต่างคนต่างรีบเท่านั้น


4. เมื่อรถยนต์หลบให้ไม่ใช่เพราะพวกเขาสุภาพ

          แต่พวกเขารำคาญมากกว่าที่อยู่ดีๆ มีมอเตอร์ไซค์มาป้วนเปี้ยนอยู่ด้านหลัง จะแซงซ้ายหรือแซงขวาก็ไม่ไปซะที เกิดสุนัขวิ่งตัดหน้าต้องเบรกกะทันหัน คนขับมอไซค์ข้างหลังเบรกไม่ทันก็ปลิวมาทับกระโปรงหน้าอีก ถ้ามีรถยนต์ตามหลัง เขามาชนก็แค่รถพัง และพังแค่ด้านหลัง แต่ถ้ามอไซค์มาชน ด้านหลังพัง ด้านหน้าก็พังเพราะคนขับลอยมาดังนั้นการแซงเขาไปแล้วโบกมือขอบคุณจะเป็นการดีที่สุด เพราะคนขับรถยนต์กำลังอารมณ์เสียอยู่

5. เครื่อง V-Twin เกาะถนนได้ดีกว่าเครื่องสี่สูบเรียงแถว

เครื่องรูปตัวV 
          อีมจริงหรือเปล่า อันนี้ต้องแล้วแต่ว่าถามใคร แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าการเว้นระยะระหว่างจังหวะจุดระเบิดนั้นอาจจะมีเวลาพอให้ล้อหลังได้กลับมามีความยึดเกาะถนนได้ดีขึ้นหรือไม่ บางคนก็ว่าสำคัญ บางคนก็แค่ยักคิ้วไม่ตอบ
แนวความคิดนี้เริ่มจากยุคต้นปี 90 ที่ Ducati ขนะการแข่ง WSB หลายสนามและบอกว่าเป็นเพราะเครื่องแบบ V4 แต่ตอนนั้นคนขับก็อาจจะมีผลด้วย แต่ความเชื่อก็มีอยู่ว่า ด้วยเครื่อง V-Twin จะมีการเว้นเวลาช่วงหนึ่งก่อนที่จะกลับมาจุดระเบิดอีกรอบทำให้มีการยึดเกาะที่ดีกลับคืนมา แต่บางคนก็เถียงว่าการจุดระเบิดอย่างต่อเนื่องแบบเครื่องสูบเรียงไม่ดีกว่าเหรอยังไงประเด็นนี้ก็ยังพิสูจน์ยากว่าใครจะดีกว่าใคร ฉะนั้นก็อย่าเพิ่งปักเชื่อในประเด็นใดประเด็นหนึ่งนะครับ

6. คนขับเก่งๆ ไม่จำเป็นต้องมี ABS


          ถ้าคุณเคยขับรถมี ABS  ถ้าคุณเบรกได้ดีกว่าหรือบอกได้ว่าตอนไหน ABS ทำงานหรือไม่ทำงาน   ABS ก็จำลองมาจากการทำงานของระบบเบรคที่ดีและสมบูรณ์แบบในสภาวะไม่ปกติ คือเบรคเต็มที่ จนล้อเกือบล็อคหรือล็อคนิดหนึ่งแล้วปล่อย  เพื่อประสิทธิภาพในการเบรค และป้องกันการแถ จนควบคุมไม่ได้   ฉะนั้น ABS ดีที่สุดครับสำหรับมอเตอร์ไซค์ โอกาสในการลื่นไถลจะมีน้อยมาก



7. ไม่ใช่ความผิดของผม

          ความคิดนี้จะออกมาเสมอเวลาที่คุณกำลังไหลไปบนถนนพร้อมกับรถ หรือกำลังนอนให้มอเตอร์ไซค์ทับอยู่ มันช้าไปแล้วครับที่จะโทษคนอื่น ไม่ว่าจะเพราะมีน้ำมันนองถนน หรือกรวดหินเต็มถนน ไม่ใช่ความผิดของคนอื่นหรอกครับ คุณนั่นแหละที่เห็นแล้วไม่ระวังเอง คนอื่นๆยังไม่ล้มเลย แต่คุณกลับล้มซะเนี่ย

8. ควรถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งหลังเริ่มใช้รถ ระยะแรกเพื่อกำจัดเศษโลหะ 

           ควรถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งหลังเริ่มใช้รถ ระยะแรกเพื่อกำจัดเศษโลหะจากการเสียดสีของวาล์วและแหวนลูกสูบ ด้วยการใช้น้ำมันเครื่องทั่วไป แล้วจึงค่อยเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้   ในอดีต เครื่องยนต์ กระทำเพื่อชำระล้างเศษโลหะที่ตกค้าง ภายในเครื่องยนต์ ภายหลังการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ในช่วงแรก และเพื่อปรับวาล์วและแหวนลูกสูบให้เข้าที่ แต่ในปัจจุบัน เครื่องยนต์รุ่นใหม่ถูกผลิตให้เครื่องยนต์ฟิตและแน่นขึ้น ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งการเสียดสีและความสะอาดที่ดียิ่งกว่าเดิม เมื่อเทียบกันเครื่องยนต์ที่ผลิตเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีการผลิตเครื่องยนต์ในปัจจุบันไม่จำเป็นด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน  และมอร์เตอร์ไซด์เหมาะสำหรับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้มากที่สุด 


9. “อย่าใช้เบรกหน้า”  เบรกหน้านั้นเป็นของอันตราย 

           “อย่าใช้เบรกหน้า”  บางคนได้รับการสอนมาตั้งแต่ตอนหัดขี่รถใหม่ๆว่า  เนื่องจากมองว่าเบรกหน้า

นั้นเป็นของอันตราย แต่โดยแท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นเบรคหน้าหรือเบรคหลังก็เป็นอันตรายได้ทั้งสิ้นถ้าหากเราใช้ไม่ถูกต้อง เชื่อหรือไม่ว่าคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มากกว่า 50% ใช้เบรกไม่ถูกต้อง!!! ตั้งแต่เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์มา ได้รู้จักกับผู้ขี่มากมายหลากหลายทั้งรถเล็ก รถใหญ่ ทั้งเพิ่งเริ่มขี่จนถึงขี่มาเป็น 10 ปี มีหลายสาเหตุที่ทำให้คนเหล่านั้นใช้เบรคไม่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีคนสอนเลยหัดเองและคิดว่าถูกต้องแล้วจึงทำแบบนี้มาตลอด, มีคนสอนแต่คนที่สอนเองก็ทำไม่ถูกเลยพาลผิดกันต่อไป, รวมทั้งการเบรคในการเข้าโค้งฯลฯ 

10. ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ Engine Brake  (เอ็นจิ้น เบรค)
          คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเมื่อวิ่งมาเร็วๆ แล้วจะลดความเร็ว ให้ลดเกียร์ลงเพื่อดึง Engine Brake มาใช้ ... อยากบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นความเข้าใจที่ "ผิด" ผิดชนิดฝังหัวตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นหลานเลยล่ะ จริงๆ แล้วถ้าจะลดความเร็วให้ใช้ "เบรค" ไม่ใช่ให้ลดเกียร์ (แม้แต่นักแข่งระดับโลกยังไม่มีใครเขาทำกัน) จะเบรคมือหรือเบรคเท้าก็ว่ากันไปตามสูตรเบรคหน้า 70% หลัง 30% หรือถ้ารถใครมีระบบกระจายแรงเบรคก็สบายไป แต่หลักๆ แล้วจะใช้เบรคหน้ามากกว่าหลังเสมอ  การวิ่งมาเร็วๆ แล้วลดเกียร์ลงในทันทีจะทำให้รอบเครื่องดีดขึ้นสูงอย่างฉับพลัน เกิดแรงกระชากมหาศาลภายในเครื่องยนต์ ฟันเฟืองเอย เพลาเอย ข้อเหวี่ยงเอย โซ่ สเตอร์ ฯลฯ ถูกกระชากอย่างรุนแรง ถึงแม้ไม่ทำให้เครื่องพังในทันทีแต่ย่อมมีการสึกหรอตามมาอย่างแน่นอน เมื่อรอบเครื่องทำงานไม่สัมพันธ์กับความเร็ว อัตราการหมุนของล้อก็ไม่สัมพันธ์กับระยะทางที่วิ่ง เกิดอาการที่เรียกว่า skid เสียงยางดังเอี๊ยดๆๆๆ คือล้อหมุนช้ากว่าระยะทางที่เคลื่อนที่ไป ทำให้ยางดีดเด้ง ไม่จับกับพื้นถนน สะบัดซ้ายทีขวาที สูญเสียการควบคุมซึ่งอันตรายมากครับ

การเบรคที่ถูกต้องทำอย่างไร 

        1. ปิดคันเร่งให้สุด เพื่อเรียก Engine Brake มาหน่วงให้รถไหลช้าลง ที่สำคัญ "ห้ามกำคลัชต์เด็ดขาด" เพราะเป็นการตัด Engine Brake โดยสิ้นเชิง
        2. แตะเบรคหลัง เพื่อถ่ายน้ำหนักมาล้อหลัง 
        3. แตะเบรคหน้า เพื่อหยุดรถ

        ทั้งหมด 3 ข้อนั้นจะเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ทำ 3 อย่างนี้พอ ไม่ต้องมัวไปเปลี่ยนเกียร์ให้เสียเวลา เสียสมาธิ ฝึกให้คล่องแล้วเวลาใช้จริงจะเป็นการเบรคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้จำไว้ว่าระบบเบรคหลักคือเบรคหน้า เบรคหลังไว้ช่วยทรงตัว และ Engine Brake คือตัวเสริม และเมื่อความเร็วลดลงจนถึงระดับที่ปลอดภัยแล้วจึงเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว  เพื่อไปต่อ Brake to slow, Gear to go. แค่นั้นเอง   
        
         ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถชนิดต่างๆที่ใช้บนถนน ถ้าขับอย่างมีสติ และไม่ประมาท ก็จะลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ ขอให้ทุกท่านขับรถอย่างปลอดภัยครับ .......... จบ ^^"



Credit:mocyclover.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น