นักต้มตุ๋นมีอยู่ในทุกวงการ
แต่สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ บ้านและที่ดิน
ดูจะเป็นเป้าหมายหลักของมิจฉาชีพเนื่องจากเป็นเงินก้อนโตที่ยั้วยวนยิ่งนัก ซึ่งการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพเกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
แต่ความเสียหายต่างๆสามารถป้องกันได้หากผู้ทำธุรกรรมตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ดังนั้นจึงขอนำเสนอ 7 ข้อสำคัญ เป็นแนวทางปฎิบัติสำหรับการซื้อขาย
จำนองอสังหาริมทรัพย์ได้ทุกประเภท
เราต้องเห็นของจริงกับตา
จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สนใจซื้อควรจะต้องไปยังสถานที่จริง
เพื่อดูที่ตั้งและสภาพที่ดินให้แน่นอนก่อน ว่าชี้ตรงกับเลขที่ในโฉนดหรือไม่ ขนาดเท่าไหร่
บางท่านอาจจะเจอสภาพที่ถูกขุดหน้าดินไปขายหมดกลายเป็นบ่อปลา หรือเป็นที่ดินที่ถนน
น้ำ ไฟ ยังเข้าไปถึง และต้องดูสภาพบ้าน ว่า แข็งแรงมั่นคงเพียงใด
จะต้องปรับปรุงซ่อมแซมในส่วนใดบ้าง ต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ที่สำคัญคือมีผู้บุกรุกอาศัยอยู่หรือไม่
ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญในการพิจารณาอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ก่อนจะซื้อขายที่ดินควรจะทำการรังวัดเสียก่อนด้วย
ห้ามโอนเงินก่อน
อย่าไปหลงเชื่อผู้ขายที่อ้างว่าจะแบ่งขายที่ดินเป็นแปลง
ๆ ด้วยวิธีผ่อนชำระ แล้วค่อยนัดจดทะเบียนโอนกันเมื่อชำระเงินทั้งหมดแล้ว
เพราะผู้ขายอาจจะไปขายให้บุคคลอื่นซ้ำซ้อนอีกหากเราไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายอย่างถูกต้อง
ดังนั้น จะโอนเงินให้ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้นนะคะ
ห้ามโอนก่อนโดยเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าจะมีหลักประกันที่มั่นคง เช่น
ตั๋วสัญญาใช้เงินจากธนาคาร
เช็คประวัติ
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่มิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร
แอบอ้างเอาที่ดินของผู้อื่นมาขาย เปิดสำนักงานชั่วคราว และปักป้ายโฆษณา
โดยเมื่อผู้สนใจวางเงินมัดจำแล้วก็เชิดเงินหนีหายไปเฉยๆ
ดังนั้นผู้ซื้อก็ควรจะตรวจสอบประวัติผู้ขาย
ว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์หรือเป็นตัวแทนที่ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าของทรัพย์สินจริง
เลือกผู้ขายที่น่าเชื่อถือ ไม่มีประวัติเสีย ถ้าเป็นผู้ประกอบการให้ซื้อกับผู้ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรแล้ว
หากซื้อผ่านนายหน้าก็ควรจะเป็นนายหน้าที่มีสังกัดบริษัทและเป็นสมาชิกสมาคมตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
มีหลักแหล่งแน่นอน และตรวจสอบภูมิหลังของทรัพย์สินให้ดีก่อนซื้อทุกครั้ง
ซึ่งทะเบียนประวัติตรวจสอบได้ที่กรมที่ดิน
ไม่รับจำนองหรือทำสัญญากู้เงินเอง
การทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินต้องจะมาจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินทุกครั้ง จึงจะชอบด้วยกฎหมาย
การรับโฉนดไว้เป็นประกันเงินกู้โดยไม่ได้จดทะเบียนมีค่าไม่ต่างอะไรกับการเก็บเศษกระดาษไว้
เพราะอาจจะเป็นโฉนดปลอมหรือโฉนดที่ถูกหลอกลวงมา หลักปฏิบัติที่ถูกต้อง
คือ ควรนำโฉนดไปขอตรวจสอบกับสำนักงานที่ดิน ตรวจดูภาระที่ผูกพันที่ดินอยู่
เมื่อแน่ใจแล้วให้ขอจดทะเบียนรับจำนองอย่างถูกต้องต่อหน้าเจ้าพนักงาน
ตกลงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษร
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น
ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ และค่าภาษีอากรต่าง ๆ อย่าคิดว่าเล็กน้อย
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพูดคุยตกลงกันว่าผู้ใดจ่าย หรือจะออกกันคนละครึ่ง
โดยทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในภายหลัง เช่น
ลืมไปแล้วว่าตกลงไว้ว่าอย่างไร หรือมาเปลี่ยนใจภายหลัง
อ่านรายละเอียดในสัญญาก่อนเซ็น
เป็นหลักปฏิบัติสากลสำหรับการทำนิติกรรมทุกๆอย่างที่ควรจะทำความเข้าใจรายละเอียดทุกข้อในสัญญาเสียก่อนเซ็นชื่อ
ยกตัวอย่างกรณีใบมอบอำนาจ ที่ไม่มีข้อความชัดเจนว่ามอบอำนาจให้ทำกิจธุระใด
ถูกผู้ทุจริตล่อลวงให้เซ็นชื่อก่อน
โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์อาจจะตั้งใจมอบอำนาจให้จำนองหรือขอสอบเขตที่ดิน แต่ผู้รับมอบอำนาจทุจริตนำมากรอกข้อความให้เป็นเรื่องจดทะเบียนขายแทน
ดังนั้น การมอบอำนาจทุกครั้งต้องระบุให้ชัดเจน
และบุคคลผูรับมอบอำนาจจะต้องเป็นบุคคลที่ไว้ใจได้เท่านั้น
ห้ามให้โฉนดตัวจริงพร้อมกับบัตรประชาชน
เมื่อมีผู้มาติดต่อขอจดทะเบียนขายที่ดิน
พนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกดูบัตรประชาชน
ดังนั้นหากผู้ทุจริตหลอกลวงเอาโฉนดที่ดินของผู้อื่นมา ทำทีช่วยหาผู้ซื้อ
หรือขอไปตรวจที่สำนักงานที่ดิน เสร็จแล้วทำโฉนดปลอมคืนให้เจ้าของที่ดินไป โดยปลอมตัวว่าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์มาขอจดทะเบียนขาย
ปลอมลายเซ็น ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่ามีทั้งโฉนด
บัตรประชาชนและลายเซ็นเหมือนในสาระบบ จึงยอมจดทะเบียนให้ไป
ปัญหารูปแบบนี้มักเกิดขึ้นในหมู่คนใกล้ชิดกันเพราะเชื่อใจมากเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น