โครงสร้างทางการศึกษา
นิวซีแลนด์เปนประเทศที่ตั้งอยูบนเกาะทางตอนใตของประเทศออสเตรเลีย มีประชากรประมาณ 3 ลาน 6 แสนคน พลเมืองมี 2 กลุมใหญ คือ ชนพื้นเมืองเรียกวา เมารี และชนผิวขาวซึ่งเปนผูอพยพมาจากยุโรป
การจัดการศึกษานั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานปรัชญา “การศึกษาเพื่อชีวิต” ภายใตัหลักการ “การกระจายอำนาจทาง การศึกษา (Decentralization of Education) การมีสวนรวมของประชาชน ( A Charity Communication) และการตรวจสอบและถวงดุลย (Check and Balance)”
นิวซีแลนด์เปนประเทศหนึ่งที่ไดชื่อวาประสบความสำเร็จในการปฏิรูปการศึกษาเปนอยางมาก โดยจุดเดนของความสำเร็จในการปฏิรูปการศึกษา คือ การกระจายอำนาจการบริหารการศึกษาลงสูสถานศึกษา การยกเลิกระบบการบริหารการศึกษาแบบเดิม แลววางรูปแบบในการบริหารการศึกษาในรูปแบบใหม การให้ประชาชนและชุมชนเขามามีสวนรวมและกำหนดแนวทางในการบริหารการศึกษา
ในเรื่องของการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษา มีการลดขั้นตอนทางการบริหารเหลือเพียง 2 ระดับ คือ ระดับกระทรวง มีสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปนหนวยบริหารงานกลางของกระทรวง มีหนาที่เกี่ยวกับการเสนอแนะรัฐบาลในการกำหนดนโยบายทางการศึกษาทุกระดับ จัดสรรงบประมาณสนับสนุน สงเสริมและประสานงานใหการจัดการศึกษาเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพและเกิดประสิทธิผล และระดับสถานศึกษา สถานศึกษาทุกระดับตั้งแตระดับประถมศึกษาจนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย จะมีความเปนอิสระในการจัดการศึกษาของตนเอง ในระดับประถมศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษา มีคณะกรรมการบริหารโรงเรียน (Board of Trustees) เปนองคกรบริหารและมีอาจารยใหญ (Principal) เปนผูบริหารโรงเรียน ซึ่งมาจากการจางโดยการสรรหาและ แตงตั้งจากคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
โครงสร้างการบริหารการศึกษาของประเทศนิวซีแลนด์
หลักสูตรและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนในแต่ละระดับ
รัฐบาลกำหนดนโยบายทางการศึกษา ซึ่งเรียกว่า แนวทางแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา ( National Education Guidelines )ขึ้น กระทรวงศึกษาธิการนำนโยบายดังกล่าวมากำหนดเป็นกรอบหลักสูตรแห่งชาติ ( National Education Framework ) แล้วส่งให้โรงเรียนนำไปปฏิบัติในการจัดการศึกษาต่อไป
แนวทางแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1989 มีเนื้อหาสาระดังนี้
- นักเรียนทุกคนต้องได้รับการศึกษาที่ได้มาตรฐานสูงสุด
- ทุกคนต้องมีความเท่าเทียมกันในโอกาสทางการศึกษา
- ทุกคนได้พัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และทักษะ เพื่อความสามารถในการแข่งขันกับสังคมโลก
- เด็กทุคนต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ตั้งแต่พื้นฐานในครอบครัว
- ทุกคนต้องได้รับการศึกษาที่กว้างขวาง ครอบคลุมทุกสาขาวิชา
- มีวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ชัดเจน
- เด็กที่มีความต้องการพิเศษต้องได้รับการดูแล และสนับสนุนที่เหมาะสม
- ต้องมีแหล่งวิชาการ และการเตรียมการที่ดี
- ส่งเสริม และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชนเผ่าเมารี
- มีความนับถือชาติ เผ่าพันธุ์ และวัฒนธรรมของชาวนิวซีแลนด์
หลักสูตรทางการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการของประเทศนิวซีแลนด์ได้กำหนดกรอบหลักสูตรแห่งชาติ ( New Zealand Curriculum Framework ) ให้สอดคล้องกับแนวทางแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา โดยประกอบด้วย การเรียนรู้ 7 สาขาทักษะที่จำเป็นในการเรียนรู้ 8 ข้อ และเจตคติและค่านิยมที่ประชากรพึงมี
หลักสูตรการจัดการเรียนการสอนในประเทศนิวซีแลนด์ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
นิวซีแลนด์เน้นการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียน และเรียนรู้ในการปฏิบัติ โดยมีครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
รูปแบบการจัดการเรียนการสอน
ประชากรของนิวซีแลนดที่มีอายุ 15 ปขึ้นไป มีอัตราการรูหนังสือสูงถึงรอยละ 99 (สามารถอานและเขียนได : ขอมูลป ค.ศ. 1980) การศึกษาภาคบังคับของนิวซีแลนด์ยึดอายุเปนเกณฑ การเลื่อนชั้นเปนไปตามอายุ ทุกคนจะตองเขาเรียนตั้งแตอายุ 6 ป จนถึงอายุ 16 ป (ขอมูลจาก Structure of the Compulsary Schools in New Zeland) จึงจะออกจากโรงเรียนได ซึ่งรวมแลวจะตองใชเวลาเรียนในโรงเรียนอยางนอย 12 ป แตการเรียกชื่อระดับชั้นตางๆแตกตางกับที่ใชกันโดยทั่วไปในประเทศอื่น โดยมีการจัดระดับและเรียกชื่อ ดังนี้
- การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา (early childhood education) เปนการศึกษาสำหรับเด็กอายุ 3-4 ขวบ มีรูปแบบในการจัดหลายรูปแบบ ไดแก
- โรงเรียนอนุบาล (Kindergarten)
- ศูนยเด็กเลน (Playcenter)
- ศูนยดูแลและสอนภาษาเด็กเล็กสำหรับชาวเมารี (Te Kohanga Reo)
- ศูนยเด็กกอนวัยเรียน (Child center)
- การจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา เปนการศึกษาสำหรับนักเรียน อายุ 5-10 ป โดยชั้นเรียน สำหรับเด็กอายุ 5 -6 ป เรียกวา Junior 1 และ Junior 2 ตามลำดับ สวนนักเรียนอายุ 7-10 ป เรียกว่า ระดับ Standard 1-4 ตามลำดับ โรงเรียนประถมศึกษาบางแหงมีชั้นเรียนที่มีนักเรียนอายุ 11 - 12 ป ซึ่งเปนนักเรียนระดับมัธยมศึกษารวมอยูดวย ระดับนี้เรียกวา Form 1 และ Form 2 ในบางโรงเรียนมีการจัดเฉพาะ ชั้น Form 1 และ Form 2 ตางหาก ซึ่งจะเรียกโรงเรียนประเภทนี้วา Intermediate School
- การศึกษาระดับมัธยมศึกษา เปนการศึกษาสำหรับนักเรียนอายุ 11-16 ป โดยโรงเรียนบางแหง เปดสอนตั้งแตระดับมัธยมศึกษาตอนตน ซึ่งไดแก นักเรียนอายุ 11-12 ป แตบางแหงเปดสอนเฉพาะนักเรียนอายุ 13-16 ป เรียนในชั้น Form 3 - Form 6 ซึ่งเรียกวา ระดับ High School
- การศึกษาระดับอุดมศึกษา (Tertiary Education) การศึกษาระดับนี้จัดโดยสถาบันฝกอาชีพ วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย การจัดการศึกษาของสถาบันฝกอาชีพชั้นสูงและวิทยาลัยนั้น สวนใหญเนนการฝกทักษะอาชีพชั้นสูง การเสริมสรางพัฒนาการทาง ความรูเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเปนอยูของนิวซีแลนดทั้งดานเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สวนการศึกษาในมหาวิทยาลัยมุงใหความรู้ ทักษะการวิจัยพื้นฐานและวิจัยประยุกตที่พัฒนาประเทศ
ตารางแสดงอายุและระดับชั้นเรียนของนักเรียนในประเทศนิวซีแลนด
อายุ ระดับชั้น
จบ Form 6 และมีอายุ 25 ปขึ้นไป หรือ มหาวิทยาลัย , วิทยาลัย
สอบผาน Form 7 สถาบันฝกอาชีพชั้นสูง หรือสารพัดชาง
17 Form 7 * เตรียมเขามหาวิทยาลัย
16 Form 6 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
15 Form 5 * (Senior or Secondary School)
14 Form 4
13 Form 3
12 Form 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนตน
11 Form 1 (Intermediate School)
10 Standard 4
9 Standard 3
8 Standard 2 ระดับประถมศึกษา
7 Standard 1 (Primary School)
6 Junior 2
5 Junior 1
4 Early childhood ระดับกอนประถมศึกษา
3 Education
หมายเหตุ
1) ในการเลื่อนระดับชั้นใชวิธีการเลื่อนตามกลุมอายุ ไมมีการสอบอยางเปนทางการเพื่อเลื่อนชั้น
2) Form 5 และ Form 7 มีการสอบโดยใชขอสอบกลางของประเทศ โดย Form 7 เปนการสอบเพื่อเรียนตอในมหาวิทยาลัย
3) การแยกระดับโรงเรียนไมมีการแยกกันอยางตายตัวโรงเรียนประถมศึกษาสวนใหญมีการสอนระดับกอนประถมศึกษา และมีหลายแหงที่เปิดสอนชั้น Form 1 Form 2 หรือ ระดับ Intermediate รวมอยูดวย ซึ่งโรงเรียนแตละแหงมีอิสระที่จะพิจารณาเปดเรียนถึงระดับใดก็ได้
4) การศึกษาภาคบังคับ อายุระหวาง 6-16 ป และหากนักเรียนคนใดจบ Form 5 แลว หากอายุยังไมครบ 16 ป จะตองเรียนชั้น Form 6 ตอ
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในแต่ละระดับ
ระบบการศึกษาทั่วไป
การจัดการเรียนการสอนใน Year 1-8 จะเน้นและให้ความสำคัญกับ การอ่านออกเขียนได้และคิดเลขเป็น (Litteracy and Numeracy) และใช้กิจกรรม ศิลปะ ดนตรี และกีฬา เป็นแกนในการบูรณาการการเรียนรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เด็กจึงไม่เครียดกับการเรียน
ขนาดของห้องเรียนจะมีนักเรียนไม่เกิน 25 คน จึงสามารถดูแลนักเรียนได้อย่างดีและทั่วถึง ถ้าครูใหญ่มีงานล้นมือเกินไปก็สามารถจ้างคนอื่นมาช่วยได้ เขาจะมีความคล่องตัวในการจ้างครู
ขนาดของห้องเรียนจะมีนักเรียนไม่เกิน 25 คน จึงสามารถดูแลนักเรียนได้อย่างดีและทั่วถึง ถ้าครูใหญ่มีงานล้นมือเกินไปก็สามารถจ้างคนอื่นมาช่วยได้ เขาจะมีความคล่องตัวในการจ้างครู
ประเภทของโรงเรียน แบ่งได้ดังนี้
1. Primary School สำหรับเด็กอายุ 5-10 ปี หรือ 5-12 ปี
2. Intermediate School สำหรับเด็กอายุ 11 และ 12 ปี
3. Secondary School สำหรับเด็ก 13-19 ปี
4. Composite School เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนทั้งประถมและมัธยมในโรงเรียนเดียวกัน
5. Kura Kaupapa Maori เป็นโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาเมารี
6. Special School เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่ต้องให้บริการพิเศษ เช่น The Correspondence School ที่ให้การศึกษาทางไกล หรือให้การศึกษาสำหรับเด็กทุกประเภท เช่น ต้องติดตามพ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กถูกทอดทิ้ง เด็กชาวเกาะ เป็นต้น
7. Integrated School คล้ายโรงเรียนในกำกับของรัฐ ที่ดูแลด้วยตนเองส่วนหนึ่งและรัฐเข้าไปสนับสนุนส่วนหนึ่ง ซึ่งมีหลากหลายประเภท
8. Private School คือโรงเรียนเอกชน
1. Primary School สำหรับเด็กอายุ 5-10 ปี หรือ 5-12 ปี
2. Intermediate School สำหรับเด็กอายุ 11 และ 12 ปี
3. Secondary School สำหรับเด็ก 13-19 ปี
4. Composite School เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนทั้งประถมและมัธยมในโรงเรียนเดียวกัน
5. Kura Kaupapa Maori เป็นโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาเมารี
6. Special School เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่ต้องให้บริการพิเศษ เช่น The Correspondence School ที่ให้การศึกษาทางไกล หรือให้การศึกษาสำหรับเด็กทุกประเภท เช่น ต้องติดตามพ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กถูกทอดทิ้ง เด็กชาวเกาะ เป็นต้น
7. Integrated School คล้ายโรงเรียนในกำกับของรัฐ ที่ดูแลด้วยตนเองส่วนหนึ่งและรัฐเข้าไปสนับสนุนส่วนหนึ่ง ซึ่งมีหลากหลายประเภท
8. Private School คือโรงเรียนเอกชน
การศึกษาระดับประถมศึกษา (PRIMARY EDUCATION)
เป็นการศึกษาภาคบังคับ เริ่มรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป การศึกษาระดับประถมศึกษา แบ่งเป็น 6 ขั้นคือ
- STANDARD 1
- STANDARD 2
- STANDARD 3
- STANDARD 4
- FORM 1 (STANDARD 5)
- FORM 2 (STANDARD 6)
ปกตินักเรียนจะศึกษาจนสำเร็จ FORM 2 เมื่ออายุประมาณ 12 ปี โดยใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้น 8 ปี
หลักสูตรการศึกษาระดับประถมศึกษา ได้แก่ วิชาภาษาอังกฤษ (เขียน อ่าน พูด ตัวสะกด และคัดลายมือ) คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปะและการฝีมือ วิทยาศาสตร์ พลศึกษา สุขศึกษา และดนตรี ในชั้น FORM 1 และ 2 จะมีสอนวิชาคหกรรมศาสตร์และช่างฝีมือ และอาจมีสอนภาษาฝรั่งเศสด้วย
การศึกษาระดับมัธยมศึกษา (SECONDARY EDUCATION)
เริ่มตั้งแต่ FORM 3 หรือ YEAR 9 นักเรียนอายุประมาณ 13 ปี โรงเรียนมัธยมมี 400 กว่าแห่ง แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
- โรงเรียนรัฐบาล
- โรงเรียนกึ่งรัฐบาล ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล และศาสนา
- โรงเรียนเอกชน มักเป็นโรงเรียนของศาสนา
โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นของรัฐบาล โรงเรียนเอกชนมีจำนวนน้อย และมักจะรักษาประเพณีทางศาสนาและปรัชญาเฉพาะของตนไว้ โรงเรียนเอกชนมีเสรีภาพในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน แต่อย่างไรก็ตามทั้งโรงเรียนของรัฐบาลและเอกชนต่างมีหลักสูตร และมาตรฐานศึกษา ตลอดจนการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครคล้ายคลึงกัน และมีจุดประสงค์เดียวกันคือเตรียมให้นักเรียนมีคุณสมบัติที่เหมาะสม สามารถสอบได้คุณวุฒิระดับมัธยมศึกษาที่รัฐกำหนด
การเรียนและการสอบ
FORM 3 และ 4 นักเรียนเรียนวิชาตามหลักสูตรบังคับ ได้แก่ ภาษาอังกฤษ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และพลศึกษา และเลือกวิชาเลือกดังต่อไปนี้ ศิลปะ ดนตรี ภาษาเทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์
FORM 5 นักเรียนจะเริ่มเลือกเรียนวิชาเฉพาะตามความถนัดของตน โดยยังคงต้องเรียนวิชาหลัก คือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ ส่วนวิชาเลือกมี ศิลปะ พาณิชยศาสตร์ เทคโนโลยีและภาษา เมื่อจบ FORM 5 นักเรียนจะต้องสอบข้อสอบกลาง ที่เรียกว่า SCHOOL DERTIFICATE จัดสอบโดยกระทรวงศึกษาธิการ โดยนักเรียนอาจสอบได้ถึง 6 วิชา ซึ่งบางวิชาทางโรงเรียนจะเป็นผู้ดำเนินการจัดสอบเอง นักเรียนที่สอบ SCHOOL CERTIFICATE ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ก็จะเข้าไปเรียนต่อ FORM 6
FORM 6 นักเรียนต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ และเลือกวิชาอื่นๆ อีก 4 หรือ 5 วิชา เป็นวิชาที่มุ่งว่าจะไปเรียนสาขาใดในระดับอุดมศึกษา ได้แก่ คณิตศาสตร์ ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
เมื่อจบ FORM 6 นักเรียนจะได้รับ SIXTH FORM CERTIFICATE นักเรียนที่ผลการเรียนดีและต้องการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ก็จะเข้าเรียนต่อ FORM 7
FORM 7 เป็นเสมือนชั้นเตรียมมหาวิทยาลัย ในชั้นนี้จะไม่มีวิชาบังคับ นักเรียนเลือกวิชา 4 – 6 วิชา ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่จะเรียนในระดับอุดมศึกษา
เมื่อจบ FORM 7 นักเรียนจะได้รับ HIGHER SCHOOL CERTIFICATE สิ่งสำคัญของนักเรียน FORM 7 ก็คือการสอบ BURSARY AND SCHOLARSHIP EXAMINATIONS เพื่อใช้ผลการสอบในการสมัครเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยและการรับทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น