วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วัฏจักรชีวิต...ความสัมพันธ์ของพ่อ แม่ และลูก


          หากจะกล่าวถึงความหมายของวัฏจักรอาจนิยามได้หลายความหมายโดยเฉพาะกับสิ่งที่เรียกว่า “สิ่งมีชีวิต”

          สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้มีอยู่หลายประเภท จะพืชหรือสัตว์ล้วนมีวัฏจักรในการดำเนินชีวิตในแบบของมันเอง

          แล้วสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” อย่างเราหล่ะ มีวัฏจักรชีวิติอย่างไร

          วัฏจักร : วงจร : ช่วงระยะเวลาที่หมุนรอบ เริ่มตั้งแต่จุดหนึ่งเวียนรอบไปจนถึงจุดสุดท้าย แล้วกลับมายังจุดเดิมอีก นี่อาจเป็นความหมายหนึ่งที่สามารถนิยามความหมายของคำว่า “วัฏจักร” ได้

          หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งประโยคนี้เราได้ยินและได้ฟังมานานแสนนานตั้งแต่จำความได้ เพราะนี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าด้วยเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์

          และการเวียนว่ายตายเกิดนี่เองที่ทำให้เราทุกคนต้องใช้เวลาที่มี่อยู่อย่างรอบคอบ ไม่ประมาทกับชีวิต การคิดจะทำอะไรแต่ละอย่างต้องมีเหตุและผล และต้องยอมรับผมจากการกระทำของตัวเองด้วย

“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

“ทำดีได้ไปสวรรค์ ทำชั่วตกนรก”

          นี่คือประโยคที่สะท้อนให้เห็นถึงการกระทำของมนุษย์ว่าด้วยเรื่องของ “กรรม” คือ ทำสิ่งใดก็ได้อย่างนั้น การเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด

          กลับมาสู่โลกปัจจุบัน....ตัวผู้เขียนมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ระบบชีวิตของมนุษย์อาจถูกกำหนดขึ้นโดยธรรมชาติ และมีเวลาเป็นผู้กำหนดพฤติกรรมมนุษย์ในการแสดงความเป็นตัวตนของตนเอง

          การแบ่งช่วงอายุอาจจะบอกได้ถึงความเป็นจริงของโลกปัจจุบัน โดยผู้เขียนให้ความสำคัญไปที่ความเป็นตัวตนของพ่อและแม่

          เวลา...สำคัญมากสำหรับคนที่มีครอบครัว หลายครั้งที่เราเห็นความล้มเหลวของสถาบันแห่งนี้ที่มีสาเหตุมาจากคำว่า “ไม่มีเวลา” โดยเฉพาะการมีเวลาให้กับลูกของตัวเอง

          อย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เฉพาะสามีที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่ผู้เป็นแม่ก็ต้องทำเช่นกัน เราจะทำอย่างไรดี แม้ว่าจะมีหลายทางเลือก เช่น ฝากเลี้ยงกับญาติผู้ใหญ่ หน่วยงานที่ดูแลเด็กเล็ก แต่อย่าลืมว่าด้วยวัยของเด็กสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือ พ่อและแม่

          ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อความหมายก็คือ “เราจะมีเวลาให้ลูกของเราได้มากที่สุดเมื่อใด” และหลังจากนั้นความสัมพันธ์ของตัวเรากับลูกของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป...

          0 –  3 ปี      เราสามารถอยู่กับเขาได้อย่างเต็มที่ 24 ชั่วโมง (ในกรณีที่ไม่ต้องไปทำงาน)


          3 – 6 ปี      เราอาจมีเวลาให้เขาน้อยลงบ้างหากต้องนำไปเข้าโรงเรียนที่ปัจจุบันเริ่มต้องตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย (3 ขวบขึ้นไป) และในช่วงวัยนี้เขาต้องการความเป็นส่วนตัว อยากมีพื้นที่เป็นของตัวเองเพื่อเพิ่มจินตนาการในการเรียนรู้


        
        7 – 12 ปี     ในวัยประถมศึกษา เราต้องทำใจอย่างหนึ่งว่านี่เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ เพราะนอกจากที่ต้องเรียนทั้งวันแล้ว การเรียนพิเศษยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เราต้องยอมรับว่าเวลาที่จะได้อยู่กับเข้าเริ่มลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

          13 -15 ปี     วัยรุ่นตอนต้น เป็นตัวของตัวเอง เพื่อนเริ่มมีบทบาทสำคัญกับชีวิต เราอาจจะได้คุยกับเขาแค่เพียงช่วงเช้าและก่อนเข้านอนเท่านั้น


          16 – 18 ปี   วัยรุ่นเต็มขึ้น มัธยมปลายเป็นช่วงเวลาสำคัญของชีวิตเขาเลย หากที่ผ่านมาเราเต็มที่กับเขา ไม่มีปัญหากับสิ่งที่เขาเป็น ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวอาจจะทำได้ง่าย แต่ถ้าปฏิเสธตั้งแต่ต้นคงต้องหาทางที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายให้ได้ และเวลาที่ได้พบหน้ากับวันหนึ่งคงไม่ถึง 10 ชั่วโมงเป็นแน่

        18 – 22 ปี   ชีวิตของหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัย เราคงไม่ได้เจอเขาอีกอย่างน้อย 4 ปีเต็ม จะได้เจอกันเฉพาะหน้าเทศกาลหรือปิดภาคเรียน ถึงตอนนั้นคงรู้ว่าเราคงแก่ไปมากแล้ว


        22 – 25 ปี   เข้าสู่ช่วงวัยทำงานหลังเรียนจบ แต่ละคนแยกย้ายไปตามทางที่เราเรียนมา คนเป็นพ่อเป็นแม่คงเป็นเพียงกำลังใจที่ดีให้กับลูก และรอคอยวันที่เขากับมา

          25 – 30 ปี   นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของลูกเราแล้วในการเริ่มสร้างครอบครัว เขาอาจจะมีหรือไม่แล้วแต่เขา มันอาจเป็นช่วงเวลาที่มีทั้งความสุขและความเศร้า สุขที่เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา หรืออาจทุกข์ที่จะไม่ได้เจอเขาอีก แต่เราควรยิ้มนะเพระนี่คือความสุขของลูก

          30 ปีขึ้นไป   เป็นเวลาสำคัญที่การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่เขา ว่าต้องการให้เราอยู่แบบไหนในฐานะคนแก่คนหนึ่ง จะให้อยู่ด้วยหรือแยกกันคนละหลังเหมือนที่ผ่านมา หรือจะพาครอบครัวเขากับเรามาอยู่ด้วยกันเลย ตรงนี้มันต้องย้อนกลับไปในช่วงอายุที่ผ่านมาว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เราได้ทำทุกอย่างเพื่อลูกหรือยัง เราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาหรือไม่ และเขามีความสุขที่ได้อยู่กับเราหรือเปล่า

          ช่วงเวลาทุกช่วงมีความสำคัญเท่ากันหมด ขึ้นอยู่กับว่าเราได้ทำอะไรไปบ้างเพื่อคนที่เรารัก

          ถึงตอนนี้เวลานั้นอาจจะยังมาไม่ถึง...แต่สิ่งที่เราในฐานะพ่อและแม่ ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายพึงกระทำ คือ

“ ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาโดยไม่ต้องหวังว่าเขาจะตอบแทนเรา
เพราะเราคือผู้ที่ทำให้เขาเกิดมา...
เราไม่ได้เป็นผู้ที่มีพระคุณต่อลูก...แต่เป็นลูกที่เป็นผู้ให้ความรักกับเรา”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น